ในปีนี้มีหลายๆ คู่ที่สมหวังในความรักและมีข่าวดีกันมากมาย และในการจัดงานแต่งงาน สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในงานมงคลก็คือของ “ชำร่วย ” โดยในแต่ละงานแต่งก็จะมีการแจกของชำร่วยแตกต่างกันไป แล้วคุณทราบมั้ยครับว่า ของชำร่วยของคู่บ่าวสาวที่นำมาแจกสามารถบอกนิสัยและความรู้สึกของทั้งคู่ได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ ติดตามอ่านกันนะครับ
1. ของชำร่วยประเภทที่มี “เชือกผูก” มีความหมายว่า แสดงถึงความผูกพันที่มีต่อกันของคู่บ่าวสาว มีความรักให้กันอย่างแน่นแฟ้น การไม่พลัดพรากจากกัน แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทเชือกผูกนี้ ก็ยังแสดงถึง การผูกมัด ผูกปม ดิ้นไม่หลุด เหมือนบ่วงคล้องคอ ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ ถ้าตรงส่วนไหนที่มัดแน่น ก็ทำให้หลวมๆ ไว้
2. ของชำร่วยประเภทที่มี “วัสดุสานๆ” ล้อมรอบ มีความหมายว่า แสดงถึง การสานสายใยของคู่บ่าวสาว คือ จะคอยห่วงใยกันเสมอมาและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป แต่ในตรงกันข้าม ถ้าคู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทวัสดุสานๆ นี้ ก็ยังแสดงถึง อาจมีการกักขัง หน่วงเหนี่ยวเกิดขึ้น ขาดอิสระโดยสิ้นเชิง อาจติดร่างแหไปในทุกๆ เรื่อง ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ ควรเหลือช่องไว้ระหว่างวัสดุสาน หรือ ใช้ลักษณะการสานที่เน้นความสวยงามเป็นหลัก ไม่ใช่ดูแข็งแรง หรือ ติดแน่น
3. ของชำร่วยประเภทที่เป็น “หุ่น หรือ ตุ๊กตา” (ทั้งแบบเดี่ยวหรือแบบคู่) มีความหมายว่า การเป็นไปตามลักษณะตุ๊กตา เช่นบ้างก็เป็นตุ๊กตาคู่ที่เป็นคนแก่ ซึ่งก็มีความหมายคือ การได้รักและอยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า บ้างเป็นแบบตุ๊กตาน่ารักๆ แสดงถึง ความน่ารักของคู่บ่าวสาว แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทหุ่น หรือ ตุ๊กตานี้ ก็ยังแสดงถึง เค้าอาจจะเห็นคุณเป็นแค่หุ่นเชิด เป็นแค่ของเล่น หรือ อาจจะรวมไปถึงการใช้ไสยศาสตร์มาผูกมัดในตัวคุณ (แต่คงไม่ถึงขนาดนั้น) ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ ควรเน้นเป็นตุ๊กตาเงิน หรือ ตุ๊กตาทอง ที่มีความหมายไปทางเงินทองโชคลาภให้ไหลมาเทมาดีกว่า หรือ อาจจะเป็นรูปสัตว์นำโชคก็ได้
4. ของชำร่วยประเภทที่เป็นของที่ “ถูกกรอบ หรือ ครอบ” (เช่น ลูกกะพรวนฯ) มีความหมายว่า กรอบเป็นสิ่งที่ทำให้สิ่งของต่างๆ หรืออะไรๆก็ตาม ที่อยู่ในกรอบ มันดูมีค่า และทรงคุณค่า และหากเป็นความรัก ก็คือ การให้เกียรติต่อกันของคู่บ่าวสาว บูชาในเรื่องความรัก แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทถูกกรอบ หรือ ครอบนี้ ก็ยังแสดงถึงว่า หากหลังแต่งงานไปแล้วคุณอาจจะถูกปิดกั้นทุกๆ อย่างจากคนรัก ต้องคอยอยู่ในกรอบเกณฑ์ ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ กรอบไม่ควรเป็นแบบแข็งทื่อ ควรเป็นแบบที่มีลวดลายนุ่มนวล ดูสวยงาม มีสีสดใส
5. ของชำร่วยประเภทที่เป็น “สมุด, หนังสือ, ปากกาเล็กๆ” มีความหมายว่า การมองเห็นคุณค่าในสิ่งของ และ การมองเห็นคนรักเป็นคนสำคัญที่สุด รวมถึงการบันทึกเรื่องราวของความรักระหว่างกันตลอดระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทสมุด, หนังสือ, ปากกาเล็กๆนี้ ก็ยังแสดงถึงว่า จู้จี้จุกจิกในทุกๆ เรื่อง มีความละเอียด ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ ควรเขียนตัวหนังสือที่สื่อไปในทางความรักของทั้งคู่เหมือนคำสัญญา เขียนบนปก หรือแปะติดไว้ให้เห็นง่ายจะดีขึ้น
6. ของชำร่วยประเภทที่เป็น “ของใช้เครื่องใช้เป็นคู่ๆ” (เช่น ตะเกียบ) มีความหมายว่า มีความผูกพันที่ขาดออกจากกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง เหมือนกับว่า เพราะเรานั้นคู่กัน แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทของใช้เครื่องใช้เป็นคู่ๆ นี้ ก็ยังแสดงถึงว่า การติดสอย ห้อยตามไปในทุกๆ ที่ ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ อย่าทำให้ดูว่าเป็นของใช้ อย่างเช่น ตะเกียบพอแจกไปแล้วแกะแยกออก เอาไปกินบะหมี่ได้ทันที อันนี้ห้าม ให้ออกแบบให้ดูเป็นของตั้งโชว์ ของที่ระลึกให้มากที่สุด หรือ ออกแบบแนวน่ารักคิกขุไปเลย
7. ของชำร่วยประเภทที่เป็น “ดอกไม้” มีความหมายว่า ความหอมหวาน และความสวยงามของดอกไม้ แทนความรักที่พรั่งพรูเหลือเกิน แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทดอกไม้นี้ ก็ยังแสดงถึงว่า ในช่วงแรกๆ ก็หอมหวาน แต่พอหมดกลิ่นแล้วละก็เหี่ยวเฉาทั้งชีวิต ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ อย่าให้เป็นแต่ดอกอย่างเดียว แต่ให้ปนไปด้วยผลของต้นไม้ หรือ มีกลีบใบ กระถาง หญ้า หรือ บัวรดน้ำ และให้มีสีเขียวสดไว้แต้มนิดนึงก็จะดี
8. ของชำร่วยประเภทที่เป็น “เซรามิกรูปต่างๆ” (เช่น เรือเซรามิก) มีความหมายว่า จะเป็นไปตามรูปลักษณ์ของเซรามิกว่าสื่อถึงอะไร แล้วบอกไปว่าความรักของทั้งคู่นั้นเคยผ่านอุปสรรคมามากมาย ดั่งเรือที่เจอมรสุมกลางทะเลที่ไม่เคยกลัววันล่ม แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทเซรามิกรูปต่างๆ นี้ ก็ยังแสดงถึง รอวันแตกหักเข้าสักวัน หักแล้วก็ยากที่จะต่อกันได้อีก ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ ตัวเซรามิกให้เน้นความแข็งแรง ทนทาน ทางที่ดีควรมีถุงห่อสวยๆ หุ้มอีกทีก็จะดี และยังเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเซรามิกด้วย
9. ชำร่วยประเภทที่เป็น “เปลือกหอย หรือ ทำจากเศษวัสดุเหลือใช้” มีความหมายว่า บ่งบอกถึงการมองเห็นในคุณค่าของคนรัก ซึ่งไม่ว่าใครจะว่าคุณเป็นอย่างไร แต่คุณก็ยังเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับเค้าเสมอ แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทเปลือกหอย หรือ ทำจากเศษวัสดุเหลือใช้นี้ ก็ยังแสดงถึง สักวันก็อาจจะกลายเป็นคนที่ถูกทิ้ง ไม่สนใจใยดี ไร้ค่าหมดความหมาย ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ ใช้สีสันในการตกแต่งวัสดุนั้นให้มากๆ อย่าใช้ลวดลายจากวัสดุนั้นมากจนเกินไป หรือ ดัดแปลงให้ดูสวยงามให้มากที่สุด เหมือนไม่ได้ทำจากเศษวัสดุที่เหลือใช้
10. ของชำร่วยประเภทที่เป็น “ของแหลม ของมีคม เป็นแท่งๆ” มีความหมายว่า คู่รักคู่นี้เกิดจากการพบกันโดยที่คาดไม่ถึง เป็นรักที่เซอร์ไพร์หัวใจทุกดวงที่อยู่รอบข้าง และเป็นรักแบบสายฟ้าแลบ ดูใจกันน้อย แต่รักกันนาน แต่ในตรงกันข้าม คู่บ่าวสาวที่เลือกของชำร่วยประเภทของแหลม ของมีคม เป็นแท่งๆ นี้ ก็ยังแสดงถึง การทิ่มแทงจากปัญหาที่เข้ามารุมเร้า อยู่ไปด้วยความขื่นขม เจ็บปวด และทุกข์ทรมาน ส่วนวีธีแก้เคล็ดคือ ดัดแปลงให้ดูโค้งมน หรือ ทำให้ทู่ๆไว้ อย่าแหลมเป็นพอ
ทั้งนี้แอดมินคิดว่า เรื่องราวต่างๆ จะดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคนสองคนนะครับ ว่ามีความเข้าใจในการใช้ชีวิตคู่เพียงไร ถ้ามีความเชื่อใจ ความเข้าใจ และให้อภัยกัน ผมคิดว่าในชีวิตคู่ของเราก็จะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาครับ